"อัปสรา" นางฟ้าผู้ต้องชะตากรรม
"อัปสรา" นางฟ้าผู้ต้องชะตากรรม
Apsaras in Angkor Wat's wall
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อนึกถึงศิลปะโบราณคดีที่ยิ่งใหญ่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะต้องมีนครวัด (Angkor Wat) โดยโบราณสถานที่ใช้เป็นสุสานของพระเจ้าสุรยวรมันที่ 2 (Suryavarman II) ที่ตั้งอยู่ในเมืองพระนคร (ปัจจุบันคือ จังหวัดเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา) ซึ่งเป็นศิลปะเขมร ที่ได้รับอิทธิพลมาจากศาสนาฮินดู เป็นเหตุทำให้ในตัวปราสาทนครวัด และโบราณสถานของอาณาจักรเขมรเกือบทุกแห่งได้รับอิทธิพลตามคติ และความเชื่อมาจากตำนานของศาสนาฮินดู และตามปราสาทในอาณาจักรเขมรมีการนับถือเทพเจ้าตามความเชื่อฮินดูคือ พระพรหมณ์ (Brahma) พระนารายณ์ (Narayana) และพระศิวะ (Shiva) โดยมีเรื่องราวตำนานความเชื่อของศาสนาฮินดูสลักบันทึกเรื่องราวให้เห็นโดยทั่วไปในปราสาทในอาณาจักรเขมร
Angkor Wat
เรื่องราวที่บันทึกตามตำนานโบราณของฮินดูที่เห็นในหลายๆ โบราณสถานของอาณาจักรเขมร มี เทวตำนาน 'การกวนเกษียณสมุทร' (Scene of the Churning of the Milk Ocean) ต้นกำเนิดที่มาของ 'น้ำอมฤต' (Dancing Water) น้ำยาที่เมื่อได้ดื่มแล้ว ผู้ที่ดื่มจะเป็นอมตะ คงความเยาว์ไว้ตลอดกาล
Scene of the Churning of the Milk Ocean
ตามเทวตำนานการกวนเกษียณสมุทร บนสรวงสรรค์มีเหตุสงครามอยู่หลายครั้งติดต่อกันเป็นเวลานาน ทำให้พระอินทร์ และบริวารบนสรรค์ลดลงอย่างรวดเร็ว เมื่อฝ่ายอสูรฝ่ายข่าวการอ่อนกำลังของพระอินทร์แล้วจึงทัพเพื่อเข้ามาตีสวรรค์ ทำให้พระอินทร์เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป เพื่อฟื้นฟูกำลัง และรักษาจำนวนของเทวดาแล้ว จึงต้องทำพิธีการกวนเกษียณสมุทร ให้เกิดน้ำอมฤตขึ้น โดยเชิญพระนารายณ์มาเป็นประธานในพิธีการย้ายภูเขามันทรคีรีมาไว้เกษียณสมุทร (ทะเลน้ำนม) แต่หากมีแต่เทวดาฝ่ายเดียวนั้นไม่สามารถกวนเกษียณสมุทรได้สำเร็จอย่างแน่นอน ฝ่ายเทวดาจึงออกอุบายชักชวนให้ฝ่ายอสูรมาร่วมพิธี โดยบอกเมื่อน้ำอมฤตมาแล้วจะแบ่งให้ครึ่งหนึ่ง แต่เมื่อได้น้ำอมฤตเทวดาก็ดื่มกันไปหมด ไม่เหลือให้อสูร แต่มีอสูรแค่ตนเดียวที่แปลงร่างเป็นเทวดาเข้าไปดื่มคือ ราหู
Scene of the Churning of the Milk Ocean at Angkor Wat's Walls
ผลผลิตที่เกิดจากพิธีการกวนเกษียณสมุทรนอกจากน้ำอมฤตแล้วยังมีฟองน้ำที่พุดขึ้นมากลายเป็น นางอัปสรา (Apsaras) นับเป็นแสนเป็นล้านองค์ โดยนางอัปสรานั้นเป็นสตรีหน้าตาสระสวย มีผิวผุดผ่องงดงาม อนุญาตให้ทั้งเทวดา และอสูรสามารถเลือกนางอัปสราที่ถูกใจไปเป็นคู่ครองของตนได้ อาจจะเป็นหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ฝ่ายอสูรที่มั่วลุ่มหลงมัวเมาในสตรี พลาดท่าเสียทีให้กับฝ่ายเทวดา แต่เป็นเรื่องน่าเศร้าเป็นอย่างยิ่งสำหรับนางอัปสราที่ไม่มีคู่ครองนั้นจะต้องทำหน้าที่เพื่อบำเรอทางอารมณ์ให้กับเหล่าเทวดาทั้งหลายต้องเผชิญชะตากรรมในฐานะ 'นางบำเรอแห่งสวรรค์'
Apsaras on the corridor at Angkor Wat
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
SUN STAFF. (2005). Churning of the milk Ocean. ออนไลน์. ค้นเมื่อ 16 ตุลาคม 2560, สืบค้นจาก: http://www.harekrsna.com/ sun/features/06-08/features1038.htm.
สีสันทัวร์. (2010). อัปสรา....บาทบริจาริกาแห่งสวรรค์. ออนไลน์. ค้นเมื่อ 16 ตุลาคม 2560, สืบค้นจาก: http://www.seasuntour.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=347721
Allan. (2007). Ankor Temples Cambodia. ออนไลน์. ค้นเมื่อ 16 ตุลาคม 2560, สืบค้นจาก: http://www.rickmann-uk.com/index.php/2007/06/05/angkor-temples-cambodia/
VATASK. (2008). What is an Apsara? - The Nymphs and goddesses of Angkor Wat. ออนไลน์. ค้นเมื่อ 16 ตุลาคม 2560, สืบค้นจาก: http://www.holiday-in-angkor-wat.com/apsara/.
เชษฐ์ ติงสัญชลี. Apsara : Angkor Wat. ออนไลน์. ค้นเมื่อ 16 ตุลาคม 2560, สืบค้นจาก : http://www.sac.or.th/databases/seaarts/en/sculptures/item/887-apsara-angkor-wat.html.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น